ทำความรู้จัก ” หลวงพ่อเกษม เขมโก ” สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง เถราจารย์เชื้อสายเจ้านายฝ่ายล้านนา มุ่งเน้นฝึกกรรมฐาน
ในแผ่นดินไทย เชื้อพระวงศ์ที่บวชเรียนจนมีชื่อเสียงนั้น มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงรัตนโกสินทร์ ก็มีเชื้อพระวงศ์หลายรูปที่บวชเรียน รวมทั้งในฝ่ายดินแดนล้านนา ก็มีเชื้อสายราชวงศ์ที่ได้บวชเรียน และได้เป็นเกจิอาจารย์ ที่ท่านมั่นคงในการฝึกปฏิบัติ ยึดมั่นในการดำรงวิถีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระภิกุที่กำลังกล่าวถึงนั้น ก็คือ “หลวงพ่อเกษม เขมโก” สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
“หลวงพ่อเกษม” เถราจารย์แห่ง ลำปาง ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงนับถือ
สำหรับประวัติของ “หลวงพ่อเกษม เขมโก” ท่านมีนามเดิมว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 เป็นบุตรใน เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ ชีวิตฆราวาสนั้น “หลวงพ่อเกษม” เคยรับราชการเป็นปลัดอำเภอ กับ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และเป็นราชปนัดดาในเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย
ช่วงชีวิตวัยเด็กของ “หลวงพ่อเกษม” นอกจากการบวชเณรหน้าไฟนั้น ท่านได้บรรพชาเมื่ออายุ 15 ปี และจำวัดอยู่ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง “หลวงพ่อเกษม” ได้ศึกษาด้านพระปรัยัติธรรมจนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ในปี พ.ศ. 2474
และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี 2475 มีพระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม โดยพระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก ได้ศึกษาภาษาบาลีที่สำนักวัดศรีล้อม ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาแผนกนักธรรมที่สำนักวัดเชียงราย
พ.ศ. 2479 “หลวงพ่อเกษม” สอบได้นักธรรมชั้นเอก ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ รวมทั้งสามารถแปลเป็นภาษาบาลีได้เป็นอย่างดี แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูงๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น
เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว “หลวงพ่อเกษม” ได้เสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนา จนกระทั่ง ท่านทราบข่าวว่ามีพระเกจิรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา คือ “ครูบาแก่น สุมโน” หลวงพ่อเกษมจึงฝากตัวเป็นศิษย์
“หลวงพ่อเกษม” ได้ตามครูบาแก่น สุมโน ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึก จนถึงช่วงเข้าพรรษา ซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราว ท่านจึงต้องแยกทางกับพระอาจารย์ และกลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออก ก็ติดตามอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา
ต่อมาเจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืน มรณภาพลง ทางคณะสงฆ์ได้ประชุมกันเพื่อหาเจ้าอาวาสรูปใหม่ และต่างลงความเห็นพ้องต้องกันเห็นควรว่า พระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ท่านก็ไม่ยินดียินร้าย แต่ท่านก็ห่วงทางวัด เพราะท่านเคยจำวัดนี้ “หลวงพ่อเกษม” เห็นว่าถือเป็นภารกิจทางศาสนา เพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน หลังจากนั้นท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสหลายครั้ง เนื่องจากท่านอยากจะออกธุดงค์ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ดังนั้น “หลวงพ่อเกษม” จึงออกจากวัดบุญยืนไปที่ศาลาวังทาน พร้อมเขียนข้อความลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสไว้ด้วย
“หลวงพ่อเกษม เขมโก” เป็นพระสายวิปัสสนาธุระ ไม่ยึดติดแม้แต่สถานที่ ท่านได้ปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ตลอดชนชีพ ท่านปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ติดยึดในกิเลสทั้งปวง ท่านเป็นพระที่เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดลำปางและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ
หรือแม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก็ทรงมีความเคารพศรัทธาในความที่ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการ”หลวงพ่อเกษม”หลายครั้ง และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2536 “หลวงพ่อเกษม” มรณภาพ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ซึ่งตรงกับวันจันทร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 2 ปีกุน
บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา : คมชัดลึก ออนไลน์ | เผยแพร่เมื่อ 25 กันยายน 2565